การใช้ ทัพเพิล (Tuple), เซต (Set) และ ดิกชันนารี (Dictionary) ในภาษา Python

การใช้ ทัพเพิล (Tuple), เซต (Set) และ ดิกชันนารี (Dictionary) ในภาษา Python

Chalothorn Kosakul 07-07-2025 990

ในการเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python เรามักต้องจัดเก็บข้อมูลหลายรายการไว้ในตัวแปรเดียว ซึ่งสามารถทำได้ด้วยโครงสร้างข้อมูล (Data Structures) หลากหลายประเภท โดยหนึ่งในโครงสร้างที่ใช้บ่อยที่สุดคือ ลิสต์ (List) หากยังไม่เคยรู้จักหรืออยากทบทวนเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ ข้อมูลประเภทลิสต์ (List) ในภาษา Python

ในบทความนี้ เราจะพาไปรู้จักกับโครงสร้างข้อมูลอีก 3 ประเภทที่สำคัญ ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากลิสต์ ได้แก่:

แต่ละประเภทมีจุดเด่นเฉพาะตัว และเหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน พร้อมตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจง่าย และนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง


1. Tuple (ทัพเพิล)

Tuple เป็นโครงสร้างข้อมูลที่คล้ายกับ List แต่แตกต่างตรงที่ ไม่สามารถแก้ไข เพิ่ม หรือ ลบข้อมูลได้ จึงเหมาะสำหรับเก็บข้อมูลถาวร

my_tuple = (10, 20, 30)
print(my_tuple[1])  # ผลลัพธ์: 20

จุดเด่น:

  • ประมวลผลได้เร็วกว่า List เมื่อต้องการเก็บข้อมูลแบบคงที่
  • เหมาะสำหรับใช้เก็บค่าคงที่ที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง
  • นิยมใช้ในการ return ค่าหลายค่าออกจากฟังก์ชัน
def get_student_info():
    return ("ฉลองสิริ", 20, "IT")

name, age, major = get_student_info()

2. Set (เซต)

Set เป็นโครงสร้างข้อมูลที่ ไม่มีลำดับ และ ไม่มีข้อมูลซ้ำ เหมาะกับงานที่ต้องการคัดกรองหรือหาค่าที่ไม่ซ้ำกัน

my_set.add("Go")
print(my_set)  # {'Python', 'Java', 'C++', 'Go'}

จุดเด่น:

  • ลบข้อมูลซ้ำให้อัตโนมัติ
  • เหมาะสำหรับงานตรวจสอบความซ้ำ เช่น รายชื่อผู้เข้าอบรมที่ไม่ซ้ำกัน

การเพิ่มข้อมูล

my_set.add("Go")
print(my_set)  # {'Python', 'Java', 'C++', 'Go'}

การลบข้อมูล

my_set.discard("C++")  # ไม่มี error แม้ไม่มีข้อมูล
my_set.remove("Java")    # ลบ Java ออก ถ้าข้อมูลที่ลบไม่มี จะ error

การวนลูปแสดงผลข้อมูล

for lang in my_set:
    print(lang)

สามารถใช้ set ตรวจสอบความไม่ซ้ำ เช่น ตรวจสอบรายชื่อผู้สมัครที่ห้ามซ้ำ


3. Dictionary (ดิกชันนารี)

dict ใช้เก็บข้อมูลในรูปแบบคู่ คีย์ (key) และ ค่า (value) ซึ่งช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและชัดเจน

student = {
    "name": "ชญาน์ทิพย์",
    "age": 20,
    "major": "IT"
}
print(student["major"])  # ผลลัพธ์: IT

จุดเด่น:

  • เข้าถึงข้อมูลด้วย key แทนที่จะใช้ตำแหน่ง index

การเพิ่มข้อมูล

student["grade"] = "A"     # เพิ่มคีย์ใหม่

การแก้ไข/อัปเดตข้อมูล

student["age"] = 20        # แก้ไขค่าใน key 'age'

การลบข้อมูล

del student["major"]       # ลบ key 'major'
student.pop("grade")       # ลบ 'grade' และคืนค่าที่ถูกลบ

การวนลูปและแสดงผลข้อมูล

for key, value in student.items():
    print(f"{key}: {value}")

แสดงเฉพาะคีย์:

for key in student:
    print(key)

แสดงเฉพาะค่า:

for value in student.values():
    print(value)

โครงสร้างข้อมูลแต่ละประเภทใน Python มีความยืดหยุ่น และเหมาะกับงานที่แตกต่างกัน หากนักเรียนเข้าใจวิธีการจัดการข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม แก้ไข ลบ หรือวนลูปแสดงผล ก็จะสามารถพัฒนาโปรแกรมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


แชร์ข่าวนี้